การปรับปรุงบัญชี
ในการปรับปรุงบัญชีจะมีทั้งการปรับปรุงรายการที่บันทึกไว้
รายการที่อาจเกิดจากการบันทึกไว้ผิดพลาด และการปรับปรุงจะรวมทั้งการบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาที่จัดทำงบการเงินที่ยังไม่ได้บันทึกรายการค้าไว้
ทำให้ต้องบันทึกรายการรายได้และค่าใช้จ่ายเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์คงค้าง
รายการปรับปรุงเมื่อสิ้นงวดจะมีรายการดังต่อไปนี้
1. รายได้ค้างรับ
2. ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
3. รายได้รับล่วงหน้า
4. ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า
5. ค่าเสื่อมราคา
6. ค่าตัดจำหน่าย
7. ค่าสูญสิ้น
8. วัสดุสิ้นเปลืองใช้ไป
9. หนี้สงสัยจะสูญ
10.การแก้ไขข้อผิดพลาด
1. รายได้ค้างรับ
รายได้ค้างรับเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในงวดปัจจุบัน
แต่ยังไม่ได้รับชำระเงินสดจนกว่าจะถึงงวดบัญชีต่อไป
ในงวดบัญชีที่จัดทำงบการเงินเมื่อมีรายการเกิดขึ้นกิจการจะบันทึกตามเกณฑ์คงค้าง
การบันทึกรายการรายได้ค้างรับจะบันทึกดังนี้
เดบิต รายได้ค้างรับ xxx " เป็นรายการสินทรัพย์ในงบดุล
เครดิต รายได้รับ xxx " เป็นรายการรายได้ในงบกำไรขาดทุน
2. ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
ค่าใช้จ่ายค้างจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายซึ่งเกิดขึ้นในงวดปัจจุบัน
แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินสดจนกว่าจะถึงงวดบัญชีต่อไป ในงวดบัญชีที่จัดทำงบการเงินเมื่อมีรายการเกิดขึ้นกิจการจะบันทึกตามเกณฑ์ คงค้าง
การบันทึกรายการค่าใช้จ่ายค้างจ่ายจะบันทึกดังนี้
เดบิต ค่าใช้จ่าย xxx " เป็นรายการค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
เครดิต ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย xxx " เป็นรายการหนี้สินในงบดุล
3. รายได้รับล่วงหน้า
รายได้รับล่วงหน้าเป็นรายได้ที่กิจการได้รับเงินล่วงหน้า
โดยยังให้บริการแก่ลูกค้าไม่หมด
ดังนั้นรายได้ที่รับมาจึงเป็นรายได้ในงวดนี้ส่วนหนึ่ง
และที่เหลืออีกส่วนหนึ่งเป็นรายได้ในงวดบัญชีถัดไป กิจการสามารถบันทึกได้ 2 วิธี
แต่เมื่อทำการปรับปรุงแล้วยอดคงเหลือของรายการที่แสดงในงบการเงินจะมียอดคงเหลือเท่ากัน
การบันทึกรับเงินสดจากลูกค้าล่วงหน้าในวันที่รับเงินสดจะทำได้ 2
วิธี คือ
3.1) บันทึกถือเป็นรายได้รับล่วงหน้า " บันทึกในรายการหนี้สิน
3.2) บันทึกถือเป็นรายได้
" บันทึกในรายการรายได้
3.1 บันทึกถือเป็นรายได้รับล่วงหน้า
กิจการจะบันทึกเงินสดที่ได้รับมาทั้งหมดเป็นหนี้สิน
เมื่อวันสิ้นสุดงวดจึงมาปรับปรุงรายการรายได้รับล่วงหน้าเป็นรายได้ในงบกำไรขาดทุนในส่วนที่ได้ให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว
การบันทึกรายการรายได้รับล่วงหน้าจะบันทึกดังนี้
ในวันที่ได้รับเงินสด
เดบิต เงินสด
xxx
เครดิต รายได้รับล่วงหน้า
xxx " เป็นรายการหนี้สินในงบดุล
ในวันสิ้นงวดซึ่งได้ให้บริการแล้วบางส่วนจะลงบัญชีล้างรายได้รับล่วงหน้าในส่วนที่ได้ให้บริการแล้วออกจากบัญชี
โดยจะไปบันทึกรับรู้รายได้แทนในจำนวนที่เท่ากัน
ในวันปรับปรุงรายการ
เดบิต รายได้รับล่วงหน้า xxx
เครดิต รายได้รับ xxx " เป็นรายการรายได้ในงบกำไรขาดทุน
3.2 บันทึกถือเป็นรายได้
กิจการจะบันทึกเงินสดที่ได้รับมาทั้งหมดเป็นรายได้ในงบกำไรขาดทุนทั้งหมด
ดังนั้นในวันสิ้นงวดกิจการจะมีรายได้รับในงวดบัญชีมากเกินไป
ในวันสิ้นงวดจึงต้องปรับปรุงรายการรายได้รับให้แสดงเป็นรายได้สำหรับงวดเวลานั้นเท่านั้น
ส่วนที่เหลือจะนำไปบันทึกไว้เป็นรายการรายได้รับล่วงหน้า
ในวันที่ได้รับเงินสด
เดบิต เงินสด
xxx
เครดิต รายได้รับ xxx " เป็นรายการรายได้ในงบกำไรขาดทุน
ในวันสิ้นงวดซึ่งได้ให้บริการแล้วแต่ยังให้บริการไม่แล้วเสร็จทั้งหมด
ดังนั้นหากยังคงบันทึกทั้งหมดเป็นรายได้จะทำให้การรับรู้รายได้ในงวดนั้นสูงเกินไป
จึงต้องทำการปรับปรุงจำนวนที่รับรู้รายได้ให้แสดงรายได้ที่เกิดขึ้นจริงสำหรับในงวด
แล้วนำส่วนที่ยังไม่ได้ให้บริการไปไว้เป็นรายการรายได้รับล่วงหน้า
ในวันปรับปรุงรายการ
เดบิต รายได้รับ
xxx
เครดิต รายได้รับล่วงหน้า
xxx " เป็นรายการหนี้สินในงบดุล
4. ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า
เป็นค่าใช้จ่ายที่กิจการได้จ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว
โดยได้รับบริการเพียงบางส่วน ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจึงเป็นค่าใช้จ่ายในงวดบัญชีนี้ส่วนหนึ่ง
และเหลืออีกส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในงวดบัญชีถัดไป
การบันทึกจำนวนเงินที่จ่ายไปกิจการสามารถบันได้ 2 วิธี
แต่เมื่อทำการปรับปรุงแล้วยอดคงเหลือของรายการที่แสดงในงบการเงินจะมียอดคงเหลือเท่ากันเสมอ
การบันทึกเงินสดที่จ่ายไปสำหรับค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้าในวันที่จ่ายเงินจะบันทึกได้
2 วิธี คือ
4.1) บันทึกถือเป็นค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า " บันทึกในรายการสินทรัพย์
4.2) บันทึกถือเป็นค่าใช้จ่าย " บันทึกในรายการค่าใช้จ่าย
4.1
บันทึกถือเป็นค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า
กิจการจะบันทึกเงินสดจ่ายทั้งหมดเป็นสินทรัพย์ในวันที่จ่ายเงินสด
เมื่อวันสิ้นงวดจึงมาปรับปรุงรายการค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้าเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนในส่วนที่ได้ใช้บริการไปแล้ว
ในวันที่จ่ายเงินสด
เดบิต ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า
xxx " รายการสินทรัพย์ในงบดุล
เครดิต เงินสด xxx
ในวันสิ้นงวดซึ่งได้ใช้บริการไปแล้วบางส่วนก็จะลงบันทึกล้างค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้าในส่วนที่ได้ใช้บริการแล้วออกจากบัญชี
โดยจะบันทึกรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายแทนในจำนวนที่เท่ากัน
ในวันปรับปรุงรายการ
เดบิต ค่าใช้จ่าย xxx " รายการค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
เครดิต ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า xxx
4.2 บันทึกถือเป็นค่าใช้จ่าย
กิจการจะบันทึกเงินสดจ่ายที่จ่ายทั้งหมดที่จ่ายทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนทั้งหมด
ดังนั้นในวันสิ้นงวดกิจการจะมีค่าใช้จ่ายในงวดบัญชีนั้นมากเกินไป
ดังนั้นในวันสิ้นงวดจึงต้องทำการปรับปรุงรายการค่าใช้จ่ายให้แสดงเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับงวดเวลานั้นเท่านั้น
ส่วนที่เหลือจะนำไปบันทึกไว้เป็นรายการค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า
ในวันที่จ่ายเงินสด
เดบิต ค่าใช้จ่าย
xxx " รายการค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
เครดิต เงินสด xxx
ในวันสิ้นงวดซึ่งได้ใช้บริการบ้างบางส่วนแล้วแต่ยังได้รับบริการไม่หมดทั้งจำนวน
ดังนั้นหากบันทึกรายการทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่าย
จะทำให้การรับรู้ค่าใช้จ่ายในงวดนั้นสูงเกินไป
จึงต้องทำการปรับปรุงจำนวนที่รับรู้ค่าใช้จ่ายให้แสดงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นสำหรับงวดบัญชีนั้นเท่านั้น
แล้วนำส่วนที่ยังไม่ได้รับบริการไปแสดงเป็นรายการค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า
ในวันปรับปรุงรายการ
เดบิต ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า xxx " รายการสินทรัพย์ในงบดุล
เครดิต ค่าใช้จ่าย xxx
5. ค่าเสื่อมราคา
ค่าเสื่อมราคาเป็นการปันส่วนต้นทุนของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่มีตัวตนที่มีการเสื่อมสภาพ
ได้แก่สินทรัพย์ประเภทอาคาร อุปกรณ์ แต่จะยกเว้นที่ดิน (ถือว่าไม่มีการเสื่อมสภาพ)
เนื่องจากสินทรัพย์ประเภทนี้ให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจนานกว่า 1 รอบระยะเวลาบัญชี
เพื่อให้การจัดทำงบการเงินถูกต้อง
กิจการต้องปันส่วนต้นทุนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่มีตัวตนที่มีการเสื่อมสภาพเป็นค่าใช้จ่ายตลอดอายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
ในการคำนวณค่าเสื่อมราคาจะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
และการบันทึกค่าเสื่อมราคาจะบันทึกคู่กับรายการค่าเสื่อมราคาสะสม
ซึ่งเป็นบัญชีที่สะสมยอดค่าเสื่อมราคาตั้งแต่เริ่มใช้งานจนถึงปัจจุบันในวันที่จัดทำงบการเงิน
จึงจัดว่าบัญชีค่าเสื่อมราคาสะสมเป็นบัญชีตรงกันข้ามกับบัญชีสินทรัพย์
ในการคำนวณค่าเสื่อมราคามีหลายวิธี เช่น วิธีเส้นตรง
วิธียอดคงเหลือลดลง วิธีผลรวมจำนวนปี เป็นต้น
ซึ่งแต่ละวิธีจะทำให้ค่าเสื่อมราคาแสดงยอดไม่เท่ากัน
แต่วิธีที่นิยมมากที่สุดคือวิธีเส้นตรง ซึ่งการคำนวณโดยวิธีนี้จะทำให้ค่าเสื่อมราคาเท่ากันทุกปีตลอดอายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
ในการคำนวณค่าเสื่อมราคาจะเป็นการประมาณการโดยต้องประมาณการอายุการให้ประโยชน์ชิงเศรษฐกิจ
และราคาซาก
อายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ เป็นการประมาณการว่าสินทรัพย์ที่มีการเสื่อมสภาพนั้นจะมีอายุในการให้ประโยชน์กับกิจการนานเพียงใด
ราคาซาก เป็นการประมาณการว่าเมื่อสินทรัพย์ที่มีการเสื่อมสภาพนั้นหมดอายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจแล้วคาดว่าจะขายได้เป็นจำนวนเท่าใด
การบันทึกรายการค่าเสื่อมราคาจะบันทึกดังนี้
เดบิต ค่าเสื่อมราคา
xxx " รายการค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
เครดิต ค่าเสื่อมราคาสะสม xxx "
รายการปรับมูลค่าของสินทรัพย์ในงบดุล
การคำนวณโดยวิธีเส้นตรง
จะทำให้ค่าเสื่อมราคาเท่ากันทุกปีตลอดอายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
การคำนวณค่าเสื่อมราคาโดยวิธีเส้นตรง
ค่าเสื่อมราคาต่อปี =
ต้นทุนสินทรัพย์ – ราคาซาก
อายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
การคำนวณค่าเสื่อมราคาจะคำนวณแล้วบันทึกรายการในสมุดรายวันทั่วไปแล้วผ่านไปบัญชีแยกประเภทตลอดอายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
เมื่อหมดอายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจแล้วจะมีมูลค่าเหลือเท่ากับราคาซาก
การคำนวณค่าเสื่อมราคาเมื่อครอบครองไม่เต็มปี
ให้คำนวณตามสัดส่วนระยะเวลาที่เริ่มใช้ประโยชน์จนถึงวันที่ในงบดุล
เช่น
จากตัวอย่างที่ 7
ถ้าซื้อรถยนต์มาวันที่ 1 มิถุนายน 25x1 นั้น ค่าเสื่อมราคาประจำปี 25x1
จะต้องบันทึกค่าเสื่อมราคาจำนวน 14,000 บาท
มูลค่าตามบัญชี (Book Value)
การคำนวณค่าเสื่อมราคา แล้วบันทึกปรับลดมูลค่าของสินทรัพย์ด้วยค่าเสื่อมราคาสะสมนั้น
มูลค่าสุทธิที่เหลืออยู่เรียกว่า “มูลค่าตามบัญชี” ดังนั้นมูลค่าตามบัญชี คือ
ราคาทุนของสินทรัพย์ หัก ค่าเสื่อมราคาสะสม แสดงได้ดังนี้
ราคาทุนของสินทรัพย์
(หัก) ค่าเสื่อมราคาสะสมของสินทรัพย์
มูลค่าตามบัญชี
กรณีขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
กิจการต้องคำนวณหามูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์มาจนถึงวันที่ขายสินทรัพย์
โดยคำนวณค่าเสื่อมราคามาถึงวันที่ขายแล้วนำไปรวมกับค่าเสื่อมราคาสะสมเพื่อคำนวณหามูลค่าตามบัญชี
และนำไปเปรียบเทียบกับเงินสดที่ได้รับ โดยพิจารณาดังนี้
1. เงินสดที่ได้รับ > มูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ ขาย ]
เกิดรายการกำไรจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเป็นรายการรายได้อื่นในงบกำไรขาดทุน
2. เงินสดที่ได้รับ <
มูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ ขาย ]
เกิดรายการขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเป็นรายการ-ค่าใช้จ่ายอื่นในงบกำไรขาดทุน
โดยในวันที่ขายจะต้องบันทึกล้างบัญชีสินทรัพย์
และบัญชีค่าเสื่อมราคาสะสมออกจากกิจการ
โดยบันทึกล้างสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนทางด้านเครดิต
และล้างบัญชีค่าเสื่อมราคาสะสมทางด้านเดบิต และบันทึกด้านเดบิตด้วยเงินสด
ผลต่างระหว่างด้านเดบิต และเครดิตเป็นรายการกำไรหรือขาดทุนจากการขายสินทรัพย์
แสดงการบันทึกการขายสินทรัพย์ดังนี้
เดบิต เงินสด xxx
ค่าเสื่อมราคาสะสม – สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน xxx
กำไรขาดทุนขากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน xxx " ถ้าเกิดขาดทุนจากการขาย
เครดิต สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
xxx
กำไรขาดทุนขากการขายสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
xxx " ถ้าเกิดกำไรจากการขาย
6. ค่าตัดจำหน่าย
ค่าตัดจำหน่ายจะเป็นการปันส่วนราคาทุนของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ไม่มีตัวตน
เช่น ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร เป็นต้น โดยต้องประมาณอายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ
โดยอาศัยอายุของกฎหมายของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
หรือประมาณอายุการให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจไม่เกิน 20 ปี
โดยจะบันทึกค่าตัดจำหน่ายในวันสิ้นงวดดังนี้
เดบิต ค่าตัดจำหน่าย xxx " รายการค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
เครดิต ค่าตัดจำหน่ายสะสม xxx " รายการปรับมูลค่าสินทรัพย์ในงบดุล
7. ค่าสูญสิ้น
เป็นการบันทึกบัญชีในวันปรับปรุงวันสิ้นงวดเพื่อบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
และนำค่าสูญสิ้นสะสมมาบันทึกลดมูลค่าของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนประเภททรัพยากรธรรมชาติ
เช่น เหมืองแร่ ถ่านหิน บ่อน้ำมัน เป็นต้น
โดยทรัพยากรธรรมชาตินั้นไม่มีการเสื่อมสภาพเหมือนสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
แต่ทรัพยากรธรรมชาติจะลดปริมาณลงในแต่ละปีเมื่อนำมาผลิต การบันทึกค่าสูญสิ้น
จะคำนวณโดยวิธีตามจำนวนผลผลิต กล่าวคือ
ในปีไหนมีการผลิตมากก็จะต้องบันทึกค่าสูญสิ้นมาก
ในการบันทึกค่าสูญสิ้นนั้นจะบันทึกรายการดังนี้
เดบิต ค่าสูญสิ้น xxx " รายการค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
เครดิต ค่าสูญสิ้นสะสม xxx " รายการปรับมูลค่าสินทรัพย์ในงบดุล
8. วัสดุสิ้นเปลืองใช้ไป
วัสดุสิ้นเปลืองเป็นวัสดุที่มีมูลค่าไม่มากนักใช้แล้วหมดสิ้นเลย
ดังนั้นในการที่กิจการจะบันทึกรายการการเบิกไปใช้แล้วจะทำให้การบันทึกรายการเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
และแต่ละครั้งมูลค่าจะน้อยมาก
ดังนั้นการบันทึกค่าวัสดุสิ้นเปลืองที่เบิกไปใช้จะทำการบันทึกปรับปรุงรายการวันสิ้นงวด
โดยจะทำการตรวจนับว่าในวันสิ้นงวดวัสดุสิ้นเปลืองมีมูลค่าเหลือเท่าใด
แล้วคำนวณว่าในระหว่างงวดได้ใช้วัสดุสิ้นเปลืองไปเป็นจำนวนเท่าใด
โดยเทียบกับวัสดุสิ้นเปลืองที่มีมาตอนต้นงวด
โดยแสดงการคำนวณวัสดุสิ้นเปลืองได้ดังนี้
วัสดุสิ้นเปลืองตอนต้นงวดยกมา xxx บาท
หัก วัสดุสิ้นเปลืองตรวจนับวันสิ้นงวด xxx
บาท
วัสดุสิ้นเปลืองใช้ไป xxx บาท
เมื่อคำนวณหามูลค่าของวัสดุสิ้นเปลืองใช้ไปแล้วก็จะบันทึกวัสดุสิ้นเปลืองใช้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนสำหรับงวด
โดยแสดงการบันทึกดังนี้
เดบิต วัสดุสิ้นเปลืองใช้ไป xxx " รายการค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
เครดิต วัสดุสิ้นเปลือง xxx
9. หนี้สงสัยจะสูญ
เป็นการประมาณหนี้ที่กิจการคาดว่าจะเก็บเงินไม่ได้ตามความหมายของศัพท์บัญชีลูกหนี้
หมายถึง สิทธิเรียกร้องจากบุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นในรูปของเงินสด สินค้า หรือบริการ
โดยบุคคลอื่นจะต้องนำเงินสดมาชำระหนี้คืนจากกิจการ ซึ่งลูกหนี้แบ่งเป็น 2 ประเภท
คือลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น
โดยลูกหนี้การค้าเป็นลูกหนี้ที่ค้างชำระค่าสินค้าหรือบริการของกิจการที่เกิดจากกิจกรรมการดำเนินงานตามปกติ
แต่ลูกหนี้อื่นเป็นลูกหนี้ที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานตามปกติของกิจการ เช่น
เงินให้กู้ยืมแก่กรรมการและลูกจ้าง
ตามมาตรฐานการบัญชี กำหนดให้กิจการมียอดลูกหนี้ ณ วันที่ในงบดุล
(วันปิดงวด)
แล้วให้กิจการประมาณจำนวนหนี้ที่คาดว่าจะเก็บเงินไม่ได้เพื่อไม่ให้ลูกหนี้ในงบดุลมีมูลค่าสูงเกินไปซึ่งให้ประมาณเป็นค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพื่อนำไปลดยอดลูกหนี้
การบันทึกการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจะบันทึกดังนี้
เดบิต หนี้สงสัยจะสูญ xxx " รายการค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน
เครดิต ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
xxx " รายการปรับมูลค่าลูกหนี้ในงบดุล
โดยการประมาการตั้งค่าเผื่อนนั้นจะประมาณการได้ 2 วิธี ดังนี้คือ
1. ประมาณจากยอดขาย จะประมาณจากยอดขายรวมหรือยอดขายเชื่อก็ได้
เมื่อประมาณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากยอดขายแล้ว
ได้ยอดขายเท่าใดก็จะบันทึกบัญชีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเท่านั้นเลยไม่ต้องพิจารณายอดยกมาจากงวดที่แล้ว
2. ประมาณการจากยอดลูกหนี้ จะประมาณจากยอดลูกหนี้รวมในวันสิ้นงวด
หรือลูกหนี้ถัวเฉลี่ยต้นปีและปลายปี
หรือประมาณจากลูกหนี้แต่ละรายตามอายุของหนี้ก็ได้
โดยลูกหนี้ที่ค้างชำระนานก็จะประมาณการเก็บหนี้ไม่ได้ในอัตราที่สูงกว่าลูกหนี้ที่ค้างชำระสั้นกว่า
เมื่อคำนวณยอดค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญได้เท่าไร
แล้วต้องนำยอดยกมาของบัญชีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในงวดที่แล้วมาพิจารณาเพิ่มเติม
โดยจะบันทึกบัญชีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในงวดนี้เพิ่มหรือลดให้เท่ากับยอดที่ต้องการในงวดบัญชีนี้
การบันทึกรายการเกี่ยวกับลูกหนี้ที่เก็บเงินไม่ได้
แบ่งการพิจารณาเป็น 2 ประเภท
1. ในกรณีที่กิจการได้ติดตามทวงถามหนี้จนถึงที่สิ้นสุดแล้วและเข้าเงื่อนไขที่จะถือเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิตามกฎหมายภาษีอากร
เช่น ลูกหนี้ล้มละลาย
เดบิต หนี้สูญ
xxx
เครดิต ลูกหนี้ xxx
เดบิต ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ xxx
เครดิต หนี้สงสัยจะสูญ
xxx
2. กรณีที่คาดว่าจะไม่ได้รับชำระหนี้แน่นอน
แต่ยังตัดจำหน่ายหนี้สูญเป็นค่าใช้จ่ายตามกฎหมายภาษีอากรไม่ได้
เดบิต ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ xxx
เครดิต ลูกหนี้ xxx
หากต่อมาภายหลังจากที่บันทึกบัญชีกรณีที่ติดตามทวงถามหนี้จนถึงที่สุดแล้วลูกหนี้ไม่มาชำระแต่สุดท้ายลูกหนี้มาชำระ
การบันทึกบัญชีจะแสดงได้ดังนี้
· กรณีที่รับคืนจากลูกหนี้ที่บันทึกจำหน่ายเป็นหนี้สูญตามกฎหมายภาษีอากร
เดบิต ลูกหนี้ xxx
เครดิต หนี้สูญได้รับคืน xxx
เดบิต เงินสด xxx
เครดิต ลูกหนี้ xxx
· กรณีที่รับคืนจากลูกหนี้ที่จำหน่ายเป็นหนี้สูญที่ไม่เข้าข่ายกฎหมายภาษีอากร
เดบิต ลูกหนี้ xxx
เครดิต ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ xxx
เดบิต เงินสด xxx
เครดิต ลูกหนี้ xxx
10. การแก้ไขข้อผิดพลาด
ในบางกรณีกิจการมีการบันทึกบัญชีผิดพลาดซึ่งตรวจพบก่อนที่จะนำเสนองบการเงินนั้น
กิจการต้องทำการแก้ไขโดยอาจทำการแก้ไขในวันที่พบข้อผิดพลาดหรือแก้ไขในวันสิ้นงวดก็ได้
ซึ่งจะถือว่าเป็นการปรับปรุงรายการประเภทหนึ่ง
ในข้อผิดพลาดที่พบนั้นส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก
- บันทึกตัวเลขผิด
- บันทึกชื่อบัญชีผิด
- ลืมบันทึกบัญชี
การแก้ไขให้ถูกต้องโดยถ้าจะล้างบัญชีออกไปเลยก็ต้องแก้ไขด้วยการบันทึกอีกด้านตรงกันข้าม
หรือหากถ้าบันทึกชื่อบัญชีถูกแล้วแต่จำนวนผิดก็ลงเพิ่มหรือลดจำนวน
โดยการแก้ไขก็ยังคงต้องยึดหลักบัญชีคู่
การกลับรายการ
เมื่อได้ทำการปรับปรุงรายการในวันสิ้นงวดแล้วบางกิจการจะทำการกลับรายการปรับปรุงเมื่อเนิ่มงวดบัญชีใหม่
โดยการกลับรายการนั้นจะทำให้การบันทึกบัญชีงวดใหม่สะดวกขึ้นเท่านั้น
ทำให้ไม่ต้องคำนึงถึงเงินสดที่ได้รับหรือจ่ายว่าเงินสดรับหรือเงินสดจ่ายนั้นเป็นการรับหรือจ่าย
สำหรับรายได้ค้างรับ ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย ค่าใช้จ่าจ่ายล่วงหน้าหรือรายได้รับล่วงหน้า
ดังนั้นเมื่อกลับรายการแล้วในงวดบัญชีใหม่ถ้ากิจการได้รับเงินสดหรือจ่ายเงินสดแล้วก็จะบันทึกรับเงินและจ่ายเงินเป็นรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนได้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น